การบันทึกข้อมูลนั้น
นอกจากจะใช้หน่วยความจำหลักที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ตามที่กล่าวไว้ในบทที่แล้ว
ยังมีสื่อบันทึกข้อมูลอีกหลายชนิดที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์ ใช้เก็บข้อมูลที่อาจสูญหายจากหน่วยความจำแรม
ซึ่งก็คือหน่วยเก็บข้อมูลสำรองที่มีจำนวนมากมาย
ได้แก่ เทป จามแม่เหล็ก
ฟล็อปปี้ดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ ออปติคอลดิสก์ วอร์มซีดี เอ็มโอดิสก์
CD
DVD HDDVD ซึ่งจะได้กล่าวถึงรายละเอียดของสื่อบันทึกข้อมูลแต่ละชนิดต่อไป
ประเภทของหน่วยเก็บข้อมูลสำรอง
หน่วยเก็บข้อมูลสำรองสามารถแบ่งได้เป็น 2
ประเภทตามลักษณะการเข้าถึง (Access) ข้อมูลดังนี้
1.
สื่อที่มีการเข้าถึงข้อมูลตามลำดับ (Sequential Access)
เป็นสื่อที่ต้องมีการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลโดยการเรียงตามลำดับของข้อมูล ตัวอย่างเช่น
เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) มีหลักการทำงานเหมือนกับการใช้งานเทปวิทยุที่ใช้ตามบ้าน เช่น
เรามีตลับเทปเพลงที่มี เพลงอยู่ทั้งหมด
10 เพลง ถ้าต้องการฟังเพลงที่ 4
เราจะต้องทำการหมุน (Rewind)
เทปหรือที่เรียกว่ากรอเทปจากต้นม้วนไล่หาไปเรื่อยๆ
จนกว่าจะถึงตำแหน่งของเทปที่มีเพลงที่ 4 บันทึกอยู่
การค้นหาที่ต้องค้นจากข้อมูลที่อยู่ในลำดับแรกสุดก่อนไปยังข้อมูลในลำดับถัดไปเรื่อยๆ
นี้ เรียกว่าเป็นการเข้าถึงข้อมูลแบบตามลำดับนั่นเอง
2.
สื่อที่มีการเข้าถึงข้อมูลแบบโดยตรงหริอแบบสุ่ม (Direct or
Random Access) เป็นสื่อที่สามารถจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลที่ต้องการได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องอ่านข้อมูลแบบเรียงลำดับ เช่น
จานแม่เหล็ก (Magnetic Disk) หลักการทำงานขอสื่อประเภทนี้จะเหมือนกับการใช้งานคอมแพคดิสก์ (Compact Disk) หรือที่เรียกว่าแผ่นซีดี (CD) ที่ใช้กับวิทยุตามบ้าน
ถ้าเราต้องการฟังเพลงใดก็เลือกจามหมายเลขแทร็ก (Track) ได้โดยตรง เครื่องอ่านก็จะไปยังตำแหน่งหมายเลขแทร็กนั้นและอ่านเพลงที่ต้องการออกมาใช้โดยไม่ต้องเรียงลำดับการเข้าถึงของเพลงเหมือนกับเทป
ในปัจจุบันมีสื่อบันทึกข้อมูลให้เลือกให้หมายเลขชนิด คือ
เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape)
เป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้กันมานานแล้ว
ลักษณะของเทปเป็นแถบสายพลาสติก เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก เหมือนเทปบันทึกเสียง
เทปแม่เหล็กใช้สำหรับเก็บข้อมูลจำนวนมาก มีการจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลแบบเป็นลำดับ
เพราะฉะนั้นการเข้าถึงก็จะเป็นแบบการเข้าถึงโดยลำดับ (sequential access) เช่น
ถ้าต้องการหาข้อมูลที่อยู่ในลำดับที่ 5 บนเทป
เราจะต้องอ่านข้อมูลลำดับต้นๆ ก่อนจนถึงข้อมูลที่เราต้องการ ส่วนการประยุกต์นั้นเน้นสำหรับใช้สำรองข้อมูลเพื่อความมั่นใจ
เช่น ถ้าฮาร์ดดิสก์เสียหาย ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์อาจสูญหายได้ จึงจำเป็นต้องเก็บสำรองข้อมูลไว้
เทปแม่เหล็ก
|
ในอดีตใช้เทปม้วนใหญ่ แต่ปัจจุบันการผลิตเทปทำได้ดีมากขึ้น ตลับเทปที่ใช้กับคอมพิวเตอร์จึงมีขนาดเล็กลงมาก เรียกเทปพวกนี้ว่า เทปคาร์ทริดจ์ (cartridge tape) เทปแม่เหล็กมีความจุต่อม้วนสูงมาก จึงนิยมใช้สำหรับสำรองข้อมูลจำนวนมาก การสำรองข้อมูลโดยทั่วไปมักจะกำหนดตามสภาพการใช้งานเป็นระยะเวลา เช่นสำรองข้อมูลทุกสัปดาห์ การสำรองข้อมูลแต่ละครั้งอาจใช้เวลาหลายสิบนาที
จานแม่เหล็ก (Magnetic Disk)
สามารถเก็บข้อมูลได้เป็น
จำนวนมาก เข้าถึงข้อมูลโดยตรง ไม่ต้องอ่านไปตามลำดับเหมือนเทป จานแม่เหล็กต้องใช้ควบคู่กับตัวขับจานแม่เหล็ก
หรือดิสก์ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์สำหรับเขียนอ่านจานแม่เหล็ก
เป็น สื่อของการใช้หลักการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม ก่อนที่จะใช้จานแม่เหล็กเก็บข้อมูล จะต้องผ่านขั้นตอนการฟอร์แมตก่อน เพื่อเตรียมจานแผ่นแม่เหล็กให้พร้อมสำหรับเครื่องรุ่นที่จะใช้งาน โดยหัวอ่านและบันทึกจะเขียนรูปแบบของแม่เหล็กลงบนผิว ของแผ่นจานแม่เหล็ก เพื่อให้การบันทึกข้อมูลลงแผ่นจานแม่เหล็กในภายหลังทำตมรูปแบบดังกล่าว การฟอร์แมตแผ่นจานบันทึกจัดเป็นงานพื้นฐานหนึ่งของระบบปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ ข้อมูลขะถูกบันทึกลงบนแผ่นจานที่ฟอร์แมตไว้แล้ว คือแบ่งในแนว วงกลมรอบแกนหมุนเป็นหลายๆ วงเรียกว่า แทรก แต่ละแทรกถูกแบ่งออกเป็นชั้นขนมเค้ก เยกว่า เซกเตอร์ และถ้ามีเซกเตอร์มากกว่าหนึ่งเซกเตอร์เรียรวมกันว่าคลัสเตอร์ ในปัจจุบันมีจานแม่เหล็กที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่สองชนิด คือ ฟลอปปีดิสก์ และ ฮาร์ดดิสก์
เป็น สื่อของการใช้หลักการเข้าถึงข้อมูลแบบสุ่ม ก่อนที่จะใช้จานแม่เหล็กเก็บข้อมูล จะต้องผ่านขั้นตอนการฟอร์แมตก่อน เพื่อเตรียมจานแผ่นแม่เหล็กให้พร้อมสำหรับเครื่องรุ่นที่จะใช้งาน โดยหัวอ่านและบันทึกจะเขียนรูปแบบของแม่เหล็กลงบนผิว ของแผ่นจานแม่เหล็ก เพื่อให้การบันทึกข้อมูลลงแผ่นจานแม่เหล็กในภายหลังทำตมรูปแบบดังกล่าว การฟอร์แมตแผ่นจานบันทึกจัดเป็นงานพื้นฐานหนึ่งของระบบปฏิบัติการ คอมพิวเตอร์ ข้อมูลขะถูกบันทึกลงบนแผ่นจานที่ฟอร์แมตไว้แล้ว คือแบ่งในแนว วงกลมรอบแกนหมุนเป็นหลายๆ วงเรียกว่า แทรก แต่ละแทรกถูกแบ่งออกเป็นชั้นขนมเค้ก เยกว่า เซกเตอร์ และถ้ามีเซกเตอร์มากกว่าหนึ่งเซกเตอร์เรียรวมกันว่าคลัสเตอร์ ในปัจจุบันมีจานแม่เหล็กที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่สองชนิด คือ ฟลอปปีดิสก์ และ ฮาร์ดดิสก์
ฟลอปปีดิสก์และดิสก์ไดร์
เป็นแผ่นพลาสติกวงกลมมีขนาด 3.5 นิ้ว และ 5.25 นิ้ว สามารถอ่านด้วยดิสก์ไดร์ แผ่นชนิด 3.5 นิ้วเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าบรรจุอยู่ในพลาสติกชนิดแข็ง ดิสก์ไดร์ มีหน้าที่สองชนิด คือ อ่านและบันทึก โดยหลักการอ่านมีการทำงานคล้ายซีดีเพลง ส่วนการบันทึกมีหลักการคล้ายกับการบันทึกเสียงลงในเทปบันทึกเสียง ต่างกันที่ผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพราะโปรแกทฃรมที่ใช้งานจะจัดการให้อัตโนมัติ แผ่นดิสเกตต์จะมีแถบป้องการบันทึก ผู้ใช้สามารถเปิดแถบนี้เอป้องกันไม่ให้มีการบันทึกข้อมูลอื่นทับหรือลบไป จำนวนข้อมูลที่เก็บอยู่ในแผ่นดิสเกตต์ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของสารแม่เหล็ก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ดิสก์ความจุสองเท่า ส่วนอีกชนิดหนึ่ง คือดิสก์ความจุสูง เก็บข้อมูลได้มากกว่าดิสก์ที่เก็บข้อมูลได้เป็นสองเท่า ในปัจจุบันมีดิสเกตต์ชนิดพิเศษที่มีความจุสูงถึง 120 MB ต่อแผ่นซึ่งใช้เทคโนโลยีด้านเลเซอร์ เรียกว่า Laser Servo (LS) เริ่มนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสะดวกในการเก็บข้อมูลแฟ้มขนาดใหญ่ รวมทั้งสามารถอ่านดิสกเกตต์ขนาด 720 KB และ 1.44 KB และมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลเร็วกว่าดิสเกตต์ปกติ ถึง 5 เท่า
เป็นแผ่นพลาสติกวงกลมมีขนาด 3.5 นิ้ว และ 5.25 นิ้ว สามารถอ่านด้วยดิสก์ไดร์ แผ่นชนิด 3.5 นิ้วเป็นรุ่นที่ใหม่กว่าบรรจุอยู่ในพลาสติกชนิดแข็ง ดิสก์ไดร์ มีหน้าที่สองชนิด คือ อ่านและบันทึก โดยหลักการอ่านมีการทำงานคล้ายซีดีเพลง ส่วนการบันทึกมีหลักการคล้ายกับการบันทึกเสียงลงในเทปบันทึกเสียง ต่างกันที่ผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ เพราะโปรแกทฃรมที่ใช้งานจะจัดการให้อัตโนมัติ แผ่นดิสเกตต์จะมีแถบป้องการบันทึก ผู้ใช้สามารถเปิดแถบนี้เอป้องกันไม่ให้มีการบันทึกข้อมูลอื่นทับหรือลบไป จำนวนข้อมูลที่เก็บอยู่ในแผ่นดิสเกตต์ ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของสารแม่เหล็ก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ดิสก์ความจุสองเท่า ส่วนอีกชนิดหนึ่ง คือดิสก์ความจุสูง เก็บข้อมูลได้มากกว่าดิสก์ที่เก็บข้อมูลได้เป็นสองเท่า ในปัจจุบันมีดิสเกตต์ชนิดพิเศษที่มีความจุสูงถึง 120 MB ต่อแผ่นซึ่งใช้เทคโนโลยีด้านเลเซอร์ เรียกว่า Laser Servo (LS) เริ่มนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสะดวกในการเก็บข้อมูลแฟ้มขนาดใหญ่ รวมทั้งสามารถอ่านดิสกเกตต์ขนาด 720 KB และ 1.44 KB และมีอัตราการโอนถ่ายข้อมูลเร็วกว่าดิสเกตต์ปกติ ถึง 5 เท่า
ดิสก์ขนาด 5.25 นิ้ว
|
ดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว
|
|
ความจุสองเท่า
|
360
KB
|
720
KB (IBM)
|
800
KB (MAcintosh)
|
||
ความจุสูง
|
1.2
MB
|
1.44
KB (IBM)
|
1.44
KB (MAcintosh)
|
||
ความจุสูงพิเศษ
|
40
|
120
MB
|
ฮาร์ดดิสก์
ทำ มาจากแผ่นโลหะแข็ง เรียกว่า Platters ทำ ให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าและทำงานได้เร็ว ส่วนมากจะถูกยึดติดอยู่ในคอมพิวเตอร์มีบางรุ่นที่เป็นแบบเคยื่อนย้ายได้ ฮาร์ดดิสก์ที่นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ประกอบด้วยจานแม่เหล็กหลายๆ แผ่น สามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ทุกแทรกและเซกเตอร์ ที่มีตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียกว่า ไซลินเดอร์ แผ่นจานแม่เหล็กของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนเร็วมาก โดยที่หัวอ่านและบันทึกจะไม่สัมผัสกับผิวของจานแม่เหล็ก ดังนั้นจึงอาจจมีความผิดพลาดและเสียหายเกิดขึ้น ถ้ามีสิ่งบางอย่าง เช่น ฝุ่น ฮาร์ดดิสก์ชุดหนุ่งประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็กจำนวนหลายแผ่นทำให้เก็บข้อมูล ได้มากกว่าฟลอปปีดิสก์ ปัจจุบันมีความจุเริ่มตั้งแต่ 1 GB ขึ้นไป นอกจากนี้ยังหมุนด้วยความเร็วมาก คือตั้งแต่ 3,600 รอบต่อวินาทีขึ้นไป ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ทำ มาจากแผ่นโลหะแข็ง เรียกว่า Platters ทำ ให้สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าและทำงานได้เร็ว ส่วนมากจะถูกยึดติดอยู่ในคอมพิวเตอร์มีบางรุ่นที่เป็นแบบเคยื่อนย้ายได้ ฮาร์ดดิสก์ที่นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ประกอบด้วยจานแม่เหล็กหลายๆ แผ่น สามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งสองหน้าของผิวจานแม่เหล็ก โดยที่ทุกแทรกและเซกเตอร์ ที่มีตำแหน่งตรงกันของฮาร์ดดิสก์ชุดหนึ่งจะเรียกว่า ไซลินเดอร์ แผ่นจานแม่เหล็กของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนเร็วมาก โดยที่หัวอ่านและบันทึกจะไม่สัมผัสกับผิวของจานแม่เหล็ก ดังนั้นจึงอาจจมีความผิดพลาดและเสียหายเกิดขึ้น ถ้ามีสิ่งบางอย่าง เช่น ฝุ่น ฮาร์ดดิสก์ชุดหนุ่งประกอบด้วยแผ่นจานแม่เหล็กจำนวนหลายแผ่นทำให้เก็บข้อมูล ได้มากกว่าฟลอปปีดิสก์ ปัจจุบันมีความจุเริ่มตั้งแต่ 1 GB ขึ้นไป นอกจากนี้ยังหมุนด้วยความเร็วมาก คือตั้งแต่ 3,600 รอบต่อวินาทีขึ้นไป ทำให้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
ออปติคัลดิสก์ (Opticaj Disk)
ใช้เทคโนโลยีขอแสงเลเซอร์ ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมหาศาลในราคาที่ไม่แพงนัก ในปัจจุบันจะมีออปติคอลดิสก์อยู่หลายแบบซึ่งใช้เทคดนดลยีที่แตกต่างกันไป เช่น
ใช้ตัวย่อว่า CD เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูลชนิดใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทุก วัน เครื่อง คอมพิวเตอร์ใหม่ ๆ มักจะมีหน่วยบันทึกที่อ่านจานบันทึกนี้ได้ ข้อมูลที่เก็บในสื่อชนิดนี้จะเป็นข้อความ ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว (ภาพยนตร์) หรือเสียงก็ได้ รูปลักษณะทั่วไปก็เหมือนจานซีดีที่บรรจุเพลง มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4.72 นิ้ว จุข้อมูล 600 เมกะไบต์หรือประมาณ 400 เท่าของจานบันทึกขนาด 3.5 นิ้ว ส่วนมากนิยมใช้เก็บโปรแกรม หรือใช้เป็นฐานข้อมูลของห้องสมุด ศูนย์สารนิเทศ นิยมใช้ในระบบเครือข่าย ทำให้สะดวกสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ตามสาย (on line) ส่วนใหญ่จานบันทึกประเภทนี้ยังคงใช้อ่านได้อย่างเดียว (read only) การบันทึกยังต้องมีอุปกรณ์พิเศษ ราคายังค่อนข้างแพง
วอร์มซีดี (Worm CD)
สามารถ บันทึกข้อมูลลงในแผ่นวอร์มซีดีได้หนึ่งครั้ง และสามารถอ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ขึ้นมากี่ครั้งก็ได้ แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่เบไว้ได้อีกต่อไป แผ่นวอร์มซีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ 600 เมกะไบต์ ไปจนถึงมากกว่า 3 จิ กะไบต์ วอร์มซีดีมีจุดด้อยกว่าซีดีรอมในเรื่องของการไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนคือแผ่น วอร์มซีดีต้องใช้กับเครื่องอ่านรุ่นเดียวที่ใช้กับการบันทึกเท่านั้น ทำให้มีการใช้งานในวงแคบ
สามารถ บันทึกข้อมูลลงในแผ่นวอร์มซีดีได้หนึ่งครั้ง และสามารถอ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ขึ้นมากี่ครั้งก็ได้ แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่เบไว้ได้อีกต่อไป แผ่นวอร์มซีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ 600 เมกะไบต์ ไปจนถึงมากกว่า 3 จิ กะไบต์ วอร์มซีดีมีจุดด้อยกว่าซีดีรอมในเรื่องของการไม่มีมาตรฐานที่แน่นอนคือแผ่น วอร์มซีดีต้องใช้กับเครื่องอ่านรุ่นเดียวที่ใช้กับการบันทึกเท่านั้น ทำให้มีการใช้งานในวงแคบ
เอ็มโอดิสก์ (MO)
เอ็ม โอไดร์ฟใช้แสงเลเซอร์ในการช่วยบันทึกและอ่านข้อมูล ทำให้สามารถอ่านและบันทึกแผ่นกี่ครั้งก็ได้คล้ายกับฮาร์ดดิสก์ เคลื่อนย้ายได้คล้ายแผ่นฟลอปปีดิสก์ มีความจุสูงมาก คือตั้งแต่ 200 MB ขึ้นไปรวมทั้งมีความเร็วที่สูงกว่าแบบฟลอปปีดิสก์และซีดีรอม แต่ช้ากว่าฮาร์ดดิสก์ ข้อดีของเอ็มโอดิสก์ คือ ข้อมูลที่เก็บอยู่ในเอ็มโอดิสก์จะปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กมีอายุการใช้งานนาน ได้ถึงกว่า 30 ปีทีเดียว ข้อเสียของเอ็มโอดิสก์ คือ ราคาเครื่องขับแผ่นค่อนข้างสูงแยู่ และเวลาที่ใช้ในการอ่ดีวีดี (DVD)
แผ่น ดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่ 4.7 จิกะไบต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับเก็บภาพยนตร์ได้เต็มเรื่องข้อกำหนดของดีวีดี มีควาวมจุได้ตั้งแต่ 4.7 GB ถึง 17 GB และมีความเร็วในการเข้าถึง อยู่ที่ 600 กิโลไบต์ต่อวินาที ถึง 1.3 เมกะ ไบต์ต่อวินาที รวมทั้งสามารถอ่านแผ่นซีดีรอมแบบเก่าได้ด้วย และยังมีข้อกำหนดสำหรับเครื่องรุ่นที่สามารถอ่านและเขียนแผ่นดีวีดีได้ในตัว ซึ่งกำลังจะตามออกมา านเขียนที่ยังช้ากว่าฮาร์ดดิสก์มากเนื่องจากการแกไขของ แผ่นจะเกิดการทำงาน 2 ขั้นตอน คือลบข้อมูลออกแล้วเขียนข้อมูลเข้าไปใหม่
เอ็ม โอไดร์ฟใช้แสงเลเซอร์ในการช่วยบันทึกและอ่านข้อมูล ทำให้สามารถอ่านและบันทึกแผ่นกี่ครั้งก็ได้คล้ายกับฮาร์ดดิสก์ เคลื่อนย้ายได้คล้ายแผ่นฟลอปปีดิสก์ มีความจุสูงมาก คือตั้งแต่ 200 MB ขึ้นไปรวมทั้งมีความเร็วที่สูงกว่าแบบฟลอปปีดิสก์และซีดีรอม แต่ช้ากว่าฮาร์ดดิสก์ ข้อดีของเอ็มโอดิสก์ คือ ข้อมูลที่เก็บอยู่ในเอ็มโอดิสก์จะปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กมีอายุการใช้งานนาน ได้ถึงกว่า 30 ปีทีเดียว ข้อเสียของเอ็มโอดิสก์ คือ ราคาเครื่องขับแผ่นค่อนข้างสูงแยู่ และเวลาที่ใช้ในการอ่ดีวีดี (DVD)
แผ่น ดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่ 4.7 จิกะไบต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับเก็บภาพยนตร์ได้เต็มเรื่องข้อกำหนดของดีวีดี มีควาวมจุได้ตั้งแต่ 4.7 GB ถึง 17 GB และมีความเร็วในการเข้าถึง อยู่ที่ 600 กิโลไบต์ต่อวินาที ถึง 1.3 เมกะ ไบต์ต่อวินาที รวมทั้งสามารถอ่านแผ่นซีดีรอมแบบเก่าได้ด้วย และยังมีข้อกำหนดสำหรับเครื่องรุ่นที่สามารถอ่านและเขียนแผ่นดีวีดีได้ในตัว ซึ่งกำลังจะตามออกมา านเขียนที่ยังช้ากว่าฮาร์ดดิสก์มากเนื่องจากการแกไขของ แผ่นจะเกิดการทำงาน 2 ขั้นตอน คือลบข้อมูลออกแล้วเขียนข้อมูลเข้าไปใหม่
ดีวีดี (Digital Versatile Disk : DVD)
ดีวีดี (Digital Versatile Disk
- DVD) ในการจะอ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดีนั้นจะต้องมี
DVD – Drive แผ่นดีวีดีนั้นไม่สามารถอ่านได้ในทั้ง CD-ROM Drive และ CD-Write Drive โดยที่ข้อดีของดีวีดีก็คือสามารถจุข้อมูลได้มาก คือ ตั้งแต่ 4.7 GB – 18.8 GB และมีความเร็ว ในการเข้าถึง (Access Time) อยู่ที่ 600 กิโลไบต์ต่อวินาที ถึง 1.3 เมกะไบต์ต่อวินาที รวมทั้งสามารถอ่านแผ่นซีดีรอมแบบเก่าได้ด้วย และปัจจุบันก็มี DVD-Writer จำหน่ายแล้วด้วย ซึ่งจะต้องใช้แผ่น DVD-R หรือ DVD-RAM เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูล แต่ว่ามีข้อเสีย
ในเรื่อง ของราคาที่ยังสูงมาก
DVD – Drive แผ่นดีวีดีนั้นไม่สามารถอ่านได้ในทั้ง CD-ROM Drive และ CD-Write Drive โดยที่ข้อดีของดีวีดีก็คือสามารถจุข้อมูลได้มาก คือ ตั้งแต่ 4.7 GB – 18.8 GB และมีความเร็ว ในการเข้าถึง (Access Time) อยู่ที่ 600 กิโลไบต์ต่อวินาที ถึง 1.3 เมกะไบต์ต่อวินาที รวมทั้งสามารถอ่านแผ่นซีดีรอมแบบเก่าได้ด้วย และปัจจุบันก็มี DVD-Writer จำหน่ายแล้วด้วย ซึ่งจะต้องใช้แผ่น DVD-R หรือ DVD-RAM เป็นสื่อในการบันทึกข้อมูล แต่ว่ามีข้อเสีย
ในเรื่อง ของราคาที่ยังสูงมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น